ต้อนรับสู่โครงการและกิจกรรมความรับผิดชอบต่อสังคม โรงพยาบาลกรุงเทพภูเก็ต
ในโอกาสครบรอบ 12 ปี โรงพยาบาลกรุงเทพภูเก็ต เมื่อปีพ.ศ. 2550 ที่ผ่านมา ทีมเจ้าหน้าที่ของโรงพยาบาลฯ ได้สำรวจ 12 โรงเรียนในเขตจังหวัดภูเก็ตที่มีความขาดแคลนและยังต้องการความช่วยเหลือ เพื่อมอบตู้ยาพร้อมเวชภัณฑ์ ในโครงการ 12 ปี 12 ตู้ยา(ยักษ์) สู่โรงเรียน โดยโรงเรียนบ้านกะทู้เป็นหนึ่งในโรงเรียนที่ได้รับคัดเลือกให้เข้าโครงการ ส่งผลให้ทางโรงพยาบาลฯ ได้เข้าไปดูแลสุขภาพพร้อมกับมอบเตียงพยาบาลให้แก่น้องๆ และทราบในภายหลังว่าทางโรงเรียนยังขาดแคลนครูผู้สอนในวิชาต่างๆ ส่งผลให้เด็กๆ ได้รับการศึกษาไม่เต็มที่ ซึ่งหากมีโครงการครูอาสาเพื่อช่วยสอนในบางรายวิชาจะสามารถช่วยทางโรงเรียนได้มาก
ทางโรงพยาบาลกรุงเทพภูเก็ต จึงรับสมัครแพทย์ พยาบาล และเจ้าหน้าที่ เพื่อไปช่วยสอนในช่วงที่ทางโรงเรียนหาอัตรากำลังครูเพิ่ม ซึ่งได้รับการตอบรับเป็นอย่างดีจากทุกคนในโรงพยาบาล ทำให้ในปีการศึกษา 2550 หรือตั้งแต่เดือนพฤศจิกายน 2550 ถึง เดือนกุมภาพันธ์ 2551 มีแพทย์ พยาบาล และเจ้าหน้าที่จากแผนกต่างๆ เข้าร่วมเป็นอาสาสมัครสอนหนังสือให้น้องๆ ชั้นประถมปีที่ 5 และ 6 กว่า 25 คน โดยครูอาสาจากโรงพยาบาลฯ จะรับผิดชอบในรายวิชาสุขศึกษาและภาษาอังกฤษ ซึ่งแต่ละคนจะเตรียมอุปกรณ์ประกอบการเรียนการสอนและข้อมูลเป็นอย่างดี เพื่อให้เด็กๆ ได้ความรู้และได้รับประโยชน์จากการสอนในแต่ละชั่วโมงให้มากที่สุด
โครงการนี้สำเร็จลุล่วงไปด้วยดี เห็นได้จากเมื่อจบภาคเรียน เด็กๆ ต่างเรียกร้องให้ครูอาสาสอนอีกในภาคเรียนต่อไป และได้เขียนเรียงความบอกถึงสิ่งที่ตัวเองได้ศึกษาเรียนรู้ตลอดระยะเวลา 4 เดือนได้อย่างน่าประทับใจ เพราะได้เรียนวิชาสุขศึกษากับแพทย์และพยาบาลโดยตรงอีกทั้งยังได้เรียนรู้สิ่งใหม่ๆ จากการเข้ามาทัศนศึกษาภายในโรงพยาบาลฯ ทำให้สามารถศึกษาและจดจำสิ่งต่างๆ รอบตัวได้อย่างรวดเร็ว โครงการนี้จึงเป็นเสมือนการมอบโอกาสในการเรียนรู้ที่ดีและยังสามารถสร้างแรงบันดาลใจให้กับเด็กๆ ได้อีกด้วย
ประมวลภาพและเหตุการณ์โครงการชวนพี่สอนน้องโรงเรียนบ้านกะทู้
ปิดโครงการไปเมื่อบ่ายอ่อนๆ ของวันที่ 25 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา สำหรับ “โครงการครูอาสาของโรงพยาบาลกรุงเทพภูเก็ต” ซึ่งเริ่มดำเนินการมาตั้งแต่เดือนพฤศจิกายน 50 ที่โรงเรียนบ้านกะทู้ ท่ามกลางความประทับใจระหว่างทีมงานแพทย์ พยาบาล พนักงานเจ้าหน้าที่ของทางโรงพยาบาล จำนวนรวม 22 คน นำทีมโดยนพ.ก้องเกียรติ เกษเพ็ชร์ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลกรุงเทพภูเก็ต กับคุณครูและนักเรียนของโรงเรียนดังกล่าว จำนวน 91 คน
ก่อนที่จะลาจากกันในวันนั้น คุณหมอก้องเกียรติ หรือคุณครูหมอของเด็กๆ ซึ่งสอนวิชาสุขศึกษา ได้กล่าวกับเด็กๆ อย่างเป็นกันเองว่า ขอให้เด็กๆ ทุกคนตั้งใจเรียน ต้องเชื่อฟังคุณครู ส่วนของพี่ๆ ชั้น ป.6 เมื่อเรียนจบไปแล้วจะต้องกลับมาช่วยคุณครูสอนน้องๆ เพื่อจะได้ช่วยกันพัฒนาชุมชนของเราต่อไป
ทางด้าน คุณพี่รื่นฤดี มิ่งสรรค์วงศ์ หนึ่งใน 22 ครูอาสา ซึ่งสอนทั้งวิชาสุขศึกษาและภาษาอังกฤษ เป็นตัวแทนกล่าวอำลากับเด็กๆ ว่า พวกเราทุกคนมีทั้งหมอ และที่ไม่ใช่หมอ มาร่วมโครงการนี้ด้วยจิตอาสา ด้วยต้องการจะแบ่งปันความรู้และประสบการณ์ตรงให้กับนักเรียนทุกคน อันที่จริงพวกเราอยากเรียกตัวเองว่าผู้สอนมากกว่าครู เพราะคำว่าครูนั้นลึกซึ้งกว่ามาก ภาระของครูแตกต่างโดยสิ้นเชิงกับผู้สอนอย่างพวกเรา และพวกเราทุกคนขอขอบคุณสำหรับโอกาสที่โรงเรียนบ้านกะทู้ให้เราได้ทำความดี สิ่งที่นักเรียนได้รับคือความรู้และประสบการณ์ที่ถูกถ่ายทอดจากพวกเรา ครูซึ่งขณะนี้มีภารกิจมากมายก็ได้ผ่อนภารกิจในส่วนนี้ไปบางส่วน และพวกเราก็ได้มีโอกาสนำสิ่งที่ดีสู่ชุมชน พวกเราชาวโรงพยาบาลกรุงเทพภูเก็ตยินดีจะกลับมาสร้างสรรค์สิ่งที่ดีเช่นนี้ร่วมกับโรงเรียนบ้านกะทู้ต่อไปในวันข้างหน้า
ขณะที่เด็กๆ ได้มีการเขียนบรรยายความรู้สึกของตนเองลงในเรียงความ สรุปได้ว่าส่วนใหญ่จะชอบให้มีคุณหมอมาสอน เพราะสนุกและไม่เบื่อ โดยบางคนบอกว่าได้เอาเรื่องที่คุณหมอสอนไปบอกคุณแม่ และคอยลุ้นว่าแต่ละสัปดาห์จะได้เรียนภาษาอังกฤษหรือสุขศึกษากับใคร มีบางคนบอกว่าคุณแม่ขายของอยู่ที่ตลาดนัดสามกองจะเอาขนมไปฝากคุณหมอที่โรงพยาบาลด้วย มีเด็กๆหลายๆคนบอกว่า “รักคุณหมอ และอยากให้มาสอนพวกหนูอีก” ต่างก็เป็นปลื้มไปตามๆ กัน
หลังจากที่ได้มีการกล่าวคำไว้อาลัยและร่ำลากันแล้ว ในส่วนของทางโรงเรียน คุณครูเย็นตา ขวัญนาค ผู้ช่วยผู้อำนวยการโรงเรียนบ้านกะทู้ ได้เป็นตัวแทนมอบประกาศนียบัตรให้แก่ นพ.ก้องเกียรติ ที่ได้มีส่วนร่วมต่อการจัดกิจกรรมการเรียนการสอนให้กับเด็ก พร้อมกล่าวขอบคุณทีมครูอาสาว่า ทางโรงเรียนขอขอบคุณโรงพยาบาลกรุงเทพภูเก็ตที่เห็นความสำคัญของเด็กๆ ซึ่งนับตั้งแต่ครั้งแรกที่โรงพยาบาลได้มามอบตู้ยายักษ์ให้กับโรงเรียน และหลังจากนั้นก็ได้สนับสนุนโรงเรียนมาตลอด ไม่ว่าจะเป็นการมอบเตียงในห้องพยาบาล ตรวจหูตรวจตาให้เด็กๆ ซึ่งเด็กๆ รู้สึกตื่นเต้นมากในคราวที่ไปทัศนศึกษาที่โรงพยาบาล ทำให้ช่วยจุดประกายความคิดและจินตนาการของเด็กๆ ได้เป็นอย่างดี และดีใจที่มีคุณหมอมาสอน เพราะได้เรียนรู้จากประสบการณ์และจากสื่อการสอนที่แต่ละท่านได้เตรียมมา ทำให้เด็กๆ สนุกและอยากเรียน ไม่เบื่อเหมือนเรียนกับคุณครูที่สอนอยู่เป็นประจำ หากเทอมหน้ามาได้อีกก็จะดี
สำหรับโครงการ “ครูอาสาของโรงพยาบาลกรุงเทพภูเก็ต” จัดตั้งขึ้นหลังจากเจ้าหน้าที่ของโรงพยาบาลได้เข้าสำรวจโรงเรียนต่างๆ ในจังหวัดภูเก็ต เพื่อมอบตู้ยา(ยักษ์) ในโอกาสครบรอบ 12 ปี ซึ่งพบว่ามีหลายโรงเรียนที่มีปัญหาเรื่องอัตรากำลังของครูผู้สอน จึงจัดตั้งโครงการดังกล่าวขึ้นโดยมีวัตถุประสงค์เพื่อช่วยเหลือให้เยาวชนมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น โดยเริ่มดำเนินการที่โรงเรียนบ้านกะทู้ ซึ่งมีนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 1-6 จำนวน 85 คน และมีครูผู้สอน 6 ท่าน เป็นแห่งแรก
จากนั้นก็ได้ประกาศรับสมัครอาสาสมัครภายในโรงพยาบาล เพื่อสอนวิชาภาษาอังกฤษ และวิชาสุขศึกษา ในระดับชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 – 6 ตามหัวข้อและหลักสูตรที่ทางโรงเรียนกำหนดไว้ ซึ่งได้รับความร่วมมือเป็นอย่างดีจากคณะแพทย์ พยาบาล และเจ้าหน้าที่ มีผู้สมัครเป็นครุอาสาจำนวน 22 คน ทำการสอนในระหว่างเดือนพฤศจิกายน 2550 ถึง เดือนกุมภาพันธ์ 2551
โดยตลอดระยะเวลากว่า 1 ปี ที่ผ่านมา นอกจากการเข้าเป็นครูอาสาแล้ว ยังมีการจัดกิจกรรมต่างๆ มากมาย อาทิ มอบตู้ยา(ยักษ์), มอบเตียงสำหรับใช้ในห้องพยาบาล, กิจกรรมที่จัดขึ้นร่วมกับสื่อมวลชนในใครงการ “โรงพยาบาลกรุงเทพภูเก็ต กอดคอสื่อเตะบอล ป้อนขนมน้อง”, จัดทีมแพทย์พยาบาลตรวจหู ตา คอ จมูก ให้กับน้องๆ ทั้งโรงเรียน จนพบน้องโป้งหรือ ด.ช.อำนวย อุดม ที่มีปัญหาหนังตาตกตั้งแต่กำเนิดซึ่งได้รับการผ่าตัดแก้ไขให้กลับเป็นปกติโดยไม่มีค่าใช้จ่าย เมื่อเดือนมกราคมที่ผ่านมา
อีกหนึ่งกิจกรรมที่ผลักดันให้เกิดแรงบันดาลใจแก่เด็กๆ คือ การจัดทัศนศึกษาในโรงพยาบาลของเด็กๆ ทั้ง 85 คน มีการร่วมทำกิจกรรมต่างๆ เช่น เรียนรู้การแปรงฟันอย่างถูกวิธีจากทันตแพทย์ และได้พูดคุยซักถามปัญหากับคุณหมออย่างใกล้ชิด ทำให้เกิดจินตนาการการคิดและทักษะการเรียนรู้สิ่งใหม่ ส่งผลให้หลายคนได้เขียนเรียงความว่าอยากเป็นคุณหมอ เพื่อจะได้รักษาและช่วยเหลือคนไข้ต่อไป
โครงการดังกล่าวเป็นหนึ่งในกิจกรรมเพื่อสังคม ที่โรงพยาบาลกรุงเทพภูเก็ตได้สร้างสรรค์ขึ้น เพียงมุ่งหวังที่จะเป็นส่วนหนึ่งของชุมชนในการตอบแทนสิ่งดีๆ ให้แก่สังคมด้วยความห่วงใย อีกทั้งเป็นองค์กรแห่งการเรียนรู้โดยยังคงสานต่อกิจกรรมและโครงการเพื่อสังคมต่างๆ ต่อไปเพื่อสนับสนุนแนวคิด “ห่วงใยและแบ่งปัน”
หมายเหตุ: สอบถามเพิ่มเติม หรือ สมัครร่วมกิจกรรม CSR ได้ที่ [email protected]